ในโลกยุคปัจจุบันที่เทคโนโลยีมีความก้าวหน้าและพัฒนาไปอย่างรวดเร็วทำให้ชีวิตของมนุษย์ต้องพึ่งพาเทคโนโลยีในการใช้ชีวิตประจำวันอยู่เสมอ การใช้ชีวิตของคนเราในปัจจุบันได้มีการใช้เทคโนโลยีตั้งแต่เริ่มตื่นนอน เพราะในการตื่นนอนก็จะต้องใช้นาฬิกาปลุกหรือมือถือตั้งปลุก มาถึงในเรื่องการรับประทานอาหารก็ต้องใช้ไมโครเวฟในการทำอาหาร ไม่ว่าจะซักผ้าหรือทำความสะอาดบ้าน หรือทำอะไรก็ตามมนุษย์เราก็มักจะใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าและพึ่งพิงเทคโนโลยีอยู่เสมอ การใช้เทคโนโลยีของมนุษย์ที่เห็นได้ชัดเจนก็คงจะหนีไม่พ้นการใช้เทคโนโลยี สารสนเทศในการติดต่อสื่อสารระหว่างกันโดยเฉพาะการใช้โทรศัพท์มือถือ ในยุคนี้คงยากที่จะปฏิเสธได้ว่าโทรศัพท์มือถือไม่มีความจำเป็นสำหรับมนุษย์  การใช้คอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ตก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในการทำงาน การหาข้อมูลและความบันเทิง การรับ-ส่ง E-mail การสนทนาออนไลน์ การเล่นเกมส์ออนไลน์ หรือแม้กระทั่งการรับข้อมูลข่าวสารผ่านคอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ตก็สามารถ อำนวยความสะดวกในเรื่องการติดต่อสื่อสารระหว่างกันของมนุษย์ให้เป็นเรื่องที่ง่ายดายขึ้น ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดเวลาไหนเราก็จะสามารถที่จะหาข้อมูลและข่าวสารที่เกิดขึ้น ในสถานที่ต่าง ๆ ทั่วโลกได้อย่างทันท่วงที เทคโนโลยีก่อประโยชน์ แก่ระบบการศึกษามากขึ้น มีการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการศึกษาสามารถเร่งอัตราการเรียนรู้ให้เร็วขึ้น ลดภาระทางด้านการบริหารของครูและยังทำหน้าที่แทนครูในการถ่ายทอดเรื่องราว หรือข่าวสารประจำวันต่าง ๆ การนำเอาเทคโนโลยีมาใช้อย่างเหมาะสมนั้นเป็นการขยายขอบเขตของการเรียนรู้ออก ไปได้อย่างกว้าง ระบบการสื่อสารในปัจจุบันได้ช่วยเพิ่มความสามารถให้กับคนเรา ดังนั้นสื่อการสอนในยุคใหม่นี้จึงสามารถจำลองสถานการณ์จริง ช่วยย่นระยะทางและเหตุการณ์ที่อยู่คนซีกโลกมาสู่นักเรียนได้ ทำให้การเรียนเป็นไปอย่างฉับพลันยิ่งขึ้น เทคโนโลยีการสอนเปรียบเสมือนสะพานที่เชื่อมโยงระหว่างที่อยู่ภาย นอกโรงเรียนและโลกที่อยู่ภายในโรงเรียน ทำให้เกิดความเสมอภาคของการศึกษามากขึ้น และทุกคนสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีได้ทุกหนแห่ง เทคโนโลยีพร้อมที่จะหยิบยื่นความรู้ให้แก่ทุกคนเสมอ  คอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ตก็ยังถูกนำมาใช้ในเรื่องการค้าและพาณิชย์ด้วยเช่นกัน  จะ เห็นได้จากการใช้ชีวิตประจำวันของมนุษย์ในแต่ละวันล้วนต้องใช้และพึ่งพา เทคโนโลยีตลอดเวลา ไม่ว่าจะดำเนินกิจกรรมใด ๆ ก็ตามก็มักจะมีเทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้อง และเทคโนโลยีสารสนเทศต่าง ๆ ก็ยังสามารถที่จะเชื่อมต่อกันได้จึงทำให้เราสามารถที่จะติดต่อกับบุคคลอื่น ๆ โดยไม่มีข้อจำกัดด้านสถานที่และเวลา อย่างไรก็ตามในการใช้เทคโนโลยีนั้นเราก็ควรใช้เทคโนโลยีในทางที่ก่อให้เกิด ประโยชน์แก่ตัวเรามากที่สุด ไม่ควรใช้เทคโนโลยีในทางที่ผิด และในบางครั้งมนุษย์เราก็ควรหันมาทำอะไรด้วยตนเองโดยไม่พึ่งพิงเทคโนโลยี บ้างเพื่อให้เราได้รู้จักใช้สมองและร่างกายของเราฝึกทำอะไรด้วยตนเองก่อนที่ มนุษย์เราจะต้องตกเป็นทาสของเทคโนโลยี
พัฒนาการของโทรศัพท์มือถือ
               นับจากในอดีต วิวัฒนาการเทคโนโลยีของโทรศัพท์มือถือมีความก้าวหน้าอย่างมาก นอกจากลักษณะภายนอกที่มีขนาดเล็กลง มีน้ำหนักที่เบาขึ้น มีราคาถูกลง และมีสีสันมากมายแล้ว ปัจจุบันโทรศัพท์มือถือยังใช้สำหรับรับส่งข้อมูลที่มีขนาดใหญ่กว่าในอดีต ไม่ว่าจะเป็นเสียง ภาพ วิดีโอ ทั้งยังสามารถเข้าถึงการใช้งานอินเทอร์เน็ตได้อีกด้วย ด้าน ดร.ไมค์ ชอร์ท ผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันวิศวกรรมและเทคโนโลยีกล่าวว่า โทรศัพท์มือถือของมาร์ตินนั้น เป็นโทรศัพท์มือถือเครื่องแรกที่ที่สร้างจาก เซลลูลาร์ โฟน ซึ่งในช่วง 10 ปีต่อมาแม้มันจะมีพัฒนาการอย่างมาก แต่ก็เป็นเพียงงานวิจัยในห้องทดลองเท่านั้น ก่อนที่โทรศัพท์มือถือจะถูกนำไปจำหน่ายครั้งแรกในสหรัฐฯ ตั้งแต่ยุคต้นปี ค.ศ. 1980 ซึ่งโทรศัพท์มือถือจะถูกใช้กันเพียงในกลุ่มนักธุรกิจเท่านั้น ต่อมา ในช่วงปี ค.ศ. 1993 - 2003 ก็คือช่วงเวลาของการนำเทคโนโลยีดิจิตอลมาพัฒนาผสานเข้ากับโทรศัพท์มือถือ ซึ่งนำไปสู่การรับส่งข้อมูลในระบบ 3G ที่เข้ามาระหว่างปี ค.ศ. 2003 - 2013 ทำให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ต และทำให้คนมีการ ใช้งานสมาร์ทโฟนอย่างกว้างขวาง ทั้งนี้ สำหรับสมาร์ทโฟนเครื่องแรกนั้นถูกสร้างขึ้นเมื่อราว 5 ปีก่อน ซึ่งนั่นแสดงให้เห็นว่าจริง ๆ แล้วการเปลี่ยนแปลงของโทรศัพท์มือถืออย่างรวดเร็วนั้น เพิ่งจะเกิดขึ้นในช่วง 15 - 18 ปีให้หลังนี้เอง นอกจากนี้ ดร.ไมค์ ยังเผยอีกว่า ในตอนนี้คนยังคงคาดเดาเกี่ยวกับเทคโนโลยีของโทรศัพท์มือถือที่จะได้เห็นในอนาคต ซึ่งตัวเขาเองก็เชื่อว่าโทรศัพท์มือถือจะยังคงถูกพัฒนาต่อไปเรื่อย ๆ โดยในอนาคตเราอาจจะสามารถรับส่งข้อมูลได้มากขึ้น และอาจมีการสนทนาผ่านวิดีโอที่ดีกว่าตอนนี้ หรืออาจจะสามารถฉายภาพของอีกฝ่ายที่บนกำแพงบ้านได้ ดังนั้นมีนวัตกรรมอีกมากที่จะตามมา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโลกแห่งข้อมูลและวิดีโอ
 เราแบ่งยุคของการพัฒนาโทรศัพท์มือถือเป็น Generation เริ่มตั้งแต่ 1G, 2G และ 3G

ยุค 1 G หรือ First Generation เป็นยุคที่ใชัสัญญาณอนาล็อก โดยผสมคลื่นเสียงในสัญญาณวิทยุ สามารถใช้งานด้านเสียง (Voice
)เพียงอย่างเดียว ไม่รองรับการส่งผ่านข้อมูลอื่นใดเลย คุณภาพเสียงไม่ดีนัก ขนาดโทรศัพท์ใหญ่เทอะทะ เริ่มมีใช้ประมาณ 1980 ปริมาณการยังมีน้อยมาก ส่วนใหญ่จะอยู่ในแวดวงนักธุรกิจ 
ยุค 2 G เริ่มนำมาใช้ประมาณ 1990 เปลี่ยนเป็นการส่งคลื่นวิทยุแบบอนาล็อกเป็นการส่งแบบเข้ารหัสดิจิตอล เริ่มมีความสามารถใช้งานทางด้านรับส่งข้อมูล แต่เป็นข้อมูลขนาดเล็ก เช่น ข้อความสั้น ๆ (SMS – Short Message Service) มีความยาวไม่เกิน 160 ตัวอักษร ประสิทธิภาพการรับส่งถูกพัฒนาให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ สามารถกำหนดเส้นทางการเชื่อมกับสถานีฐาน(Cell site) ราคาโทรศัพท์มือถือเริ่มลดต่ำลง ทำให้มีผู้ใช้มากขึ้น เริ่มมีดาวน์โหลด Ring tone แบบ monotone ,ภาพ Graphic, Wall paper ซึ่งส่วนใหญ่เป็นภาพขาวดำ มีความละเอียดต่ำ

มาตรฐานที่ใช้ในโทรศัพท์มือถือยุคที่ 2 คือ
1
. GSM – Global System for Mobile Communication เป็นมาตรฐานหลักในทวีปยุโรป และ เอเซียประมาณ 160 ประทเศ โทรศัพท์เพียงหมายเลขเดียวสามารถนำไปใช้ได้ทั่วโลก (Roaming) ใช้ข้ามเครือข่ายได้
2
. CDMA – Code Division Multiple Access นิยมใช้ในอเมริกาและเกาหลีใต้ ผู้ใช้ไม่สามารถใช้โทรศัพท์ข้ามเครือข่ายได้ คุณภาพเสียงและสัญญาณข้อมูลที่ได้มีคุณภาพดีกว่าแบบ GSM
ยุค 2
.5 G เป็นยุคระหว่าง 2G กับ 3G เทคโนโลยี GPRS (General Packet Radio Service) เกิดขึ้นในยุคนี้
มีความเร็วสูงสุดในการรับส่งข้อมูลถึง 115 Kbps แต่ในทางปฏิบัติ ความเร็วของ GPRS จะถูกจำกัดให้อยู่ที่ประมาณ 40 kbps เท่านั้น เริ่มมีการใช้งานในเชิง Data มากขึ้น SMS กลายเป็น MMS Ringtone ก็กลายเป็นPolyphonic และ True tone จอภาพมีขนาดใหญ่ขึ้นและเป็นภาพสีที่มีความคมชัด
ก่อนจะเข้ายุค 3G มีการใช้เทคโนโลยี EDGE
(Enhanced Data rates for Global Evolution) บางคนเรียกแบบไม่เป็นทางการว่า ยุค 2.75G EDGE นั้นถือเป็นเทคโนโลยีต่อยอดของ GPRSเป็นการพัฒนาปรับปรุงคุณภาพความเร็วจากพื้นฐานของ GPRSให้มีความเร็วในการรับส่งข้อมูลได้สูงขึ้นประมาณ 3 เท่า

ยุค 3G หรือ Third Generation เป็นการเชื่อมต่อแบบไร้สายด้วยความเร็วสูง ด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าความถี่ 2.1 GHz มีอยู่ 2 มาตรฐานคือใช้เทคโนโลยีใหม่ ที่เรียกว่า Universal Mobile Telecommunication Systems (UMTS)บางแห่งเรียกว่า WCDMA (Wideband Code Division Multiple Access) ซึ่งพัฒนาต่อยอดมาจาก GSM และอีกมาตรฐานคือเทคโนโลยี CDMA2000 พัฒนามาจากเครือข่าย CDMA

ที่มา-techno.pnru.ac.th/Pimon/7.รายงานเทคโนโลยีกับการพัฒนาในชีวิตประจำวัน.docx

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น